6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ต้องระวัง

07 มิ.ย. 65

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องใกล้ตัวของมนุษย์ที่ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นโรคที่เกิดจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ผ่านการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางใดก็ตามโดยที่ไม่มีการป้องกัน แต่การถ่ายทอดโรคชนิดนี้สามารถติดต่อผ่านทางอื่นได้เช่นกัน อาทิ การใช้เข็มร่วมกัน การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์ รวมถึงการถ่ายโอนเลือด เป็นต้น

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease-STD) หรือกามโรค (VD) โรคติดต่อที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกช่วงอายุ โดยลักษณะอาการที่เกิดโรคจากผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ชาย

ในบางครั้งเมื่อเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ลักษณะอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดโรคติดต่อที่ได้รับ โรคบางชนิดจะมีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน ดังนี้

  • รู้สึกปวดบริเวณอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะ
  • มีแผลหรือผื่นขึ้นบริเวณรอบ ๆ องคชาต ลูกอัณฑะ ทวารหนัก หรือปาก
  • มีเลือดออกบริเวณองคชาต
  • รู้สึกเจ็บหรือมีอาการบวมบริเวณลูกอัณฑะ

อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้หญิง

สำหรับผู้ป่วยเมื่อเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจไม่มีแสดงอาการ แต่โรคบางชนิดจะมีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน ดังนี้

  • รู้สึกเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะ
  • มีแผลหรือผื่นขึ้นบริเวณรอบ ๆ ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก
  • มีอาการตกขาวผิดปกติหรือมีเลือดออกจากช่องคลอด
  • มีอาการคันบริเวณด้านในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด

ประเภทของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลากหลายชนิด จะมีอาการและรูปแบบการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือต้องรักษาในรูปแบบระยะยาว แต่จะมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดบ้างไปดูกัน

1.หนองในเทียม (Non-specific urethritis-NSU)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ระยะฟักตัวของเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7 วัน ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายจะแสดงอาการที่ชัดเจน ดังนี้

  • มีอาการปัสสาวะแสบขัด
  • รู้สึกเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ
  • รู้สึกผิดปกติระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • มีหนองใส ๆ ไหลออกมาจากปลายท่อปัสสาวะ
  • มีอาการปวดท้องน้อย

สำหรับผู้หญิงหากได้รับเชื้อและไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลต่อบุตรในครรภ์ อีกทั้งหากโรคเกิดการลุกลามอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง เช่น ติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ เกิดภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น

2.โรคเอชพีวี (HPV) 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus มีระยะฟักตัวที่ยาวนานกว่าโรคชนิดอื่นอยู่ที่ 3 เดือน – 1 ปี มีการติดต่อผ่านการสัมผัสทางผิวหนัง หรือทางเพศสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด อาการที่พบบ่อยจากโรคเอชพีวีคือมีหูดที่บริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือ ลำคอ ส่วนใหญ่จะไม่พบอาการแรกเริ่มหลังติดเชื้อ ถือเป็นโรคที่อันตรายเนื่องจากเชื้อ HPV บางสายพันธุ์อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนัก เป็นต้น

3.ซิฟิลิส (Syphilis)

ซิฟิลิส คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum มีระยะฟักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 21 วัน ในระยะแรกเริ่มยังไม่แสดงอาการของโรค ต่อมาจะมีระยะอาการ 3 ระยะ ดังนี้

  • ระยะที่ 1 มีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ เป็นแผลที่มีขอบแข็ง แต่สามารถหายเองได้แม้ไม่ได้ทำการรักษา
  • ระยะที่ 2 มีผื่นขึ้นตามลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ช่องปาก ทางทวารหนัก รวมกับอาการปวดข้อและมีผมร่วง หากเข้ารับการตรวจเลือดจะได้ผลเป็นเลือดบวกซิฟิลิส
  • ระยะที่ 3 หากไม่ทำการรักษาปล่อยทิ้งไว้จนถึงระยะสุดท้าย โรคจะลุกลามและทำลายอวัยวะภายในร่างกาย ที่สำคัญคือส่งผลให้เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น สูญเสียการมองเห็น สูญเสียการได้ยิน ความจำเสื่อม การติดเชื้อในสมองหรือไขสันหลัง โรคหัวใจ รวมถึงอาจทำให้พิการหรือรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต

4.โรคเอดส์ (AIDS)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อเอชไอวี (HIV) สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ รวมถึงการพัฒนาเชื้อมะเร็งบางชนิดหากปล่อยลุกลามจนไปถึงระยะที่ 3 แต่สำหรับระยะแรกเริ่มของโรคนี้ จะมีอาการที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าอาจป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้บ่อยครั้ง คือ

  • มีไข้
  • มีอาการหนาวสั่น
  • มีอาการปวดเมื่อยตามตัว
  • เจ็บคอ
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้
  • มีผื่นขึ้น

อาการแรกเริ่มเหล่านี้สามารถหายไปได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นในผู้ป่วยบางรายจะเริ่มมีอาการ ดังนี้

  • อ่อนเพลียซ้ำซาก
  • มีไข้
  • ปวดหัว
  • มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร

โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่รักษาโดยการให้ยาเพื่อให้มีอาการคงที่ได้

5.โรคหนองใน (Gonorrhoea) 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae เชื้อมีระยะในการฟักตัวเฉลี่ย 2-7 วัน ผู้ป่วยหญิงและผู้ป่วยชายจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ชาย 

  • มีอาการปัสสาวะแสบขัด
  • มีหนองไหลออกจากปลายท่อปัสสาวะ

ผู้หญิง 

  • มีตกขาวมากผิดปกติบางครั้งมีหนองปนออกมา
  • มีอาการปัสสาวะแสบขัด
  • ปวดท้องน้อย
  • มีฝีเกิดบริเวณอวัยวะเพศ

โรคชนิดนี้หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษาจะก่อให้เกิดการลุกลามเกิดเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นหมัน ต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อรังไข่ตีบตัน ภาวะมีบุตรยาก และในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์โรคหนองในอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงในทารก

6.เริม 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อไวรัส Herpes simplex virus เชื้อมีระยะในการฟักตัวเฉลี่ย 2-14 วัน เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยมีลักษณะอาการที่สังเกตได้ดังนี้

  • มีตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณอวัยวะเพศ (บางรายมีตุ่มนใสขึ้นบริเวณปากหรือในช่องปาก)
  • มีอาการแสบ เจ็บ คันบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก

หลังจากพบการติดเชื้อเริม ส่วนใหญ่เชื้อจะหลบอยู่ภายในร่างกาย สามารถหายเองได้แต่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้หากร่างกายอ่อนแอ

 

ที่มา : https://www.hugsinsurance.com/article/sexually-transmitted-diseases-to-be-aware-of