6 วิธีประหยัดไฟบ้านขั้นสุด เมื่อต้อง Work from Home
25 มี.ค. 656 วิธีประหยัดไฟบ้านขั้นสุด เมื่อต้อง Work from Home
ช่วงหน้าร้อนจะมีอะไรดีไปกว่าการอยู่ในห้องแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ยิ่งในช่วงนี้คนส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from Home) เพื่อช่วยกันหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของ COVID-19 แน่นอนว่าเมื่ออยู่ที่บ้านทั้งวันทั้งคืน ทำให้มียอดใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากอุปกรณ์ทำงานอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการใช้เครื่องทำความเย็นทั้งแอร์และพัดลม ทำให้หลายบ้านถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอบิลค่าไฟ ขอแนะนำ 6 วิธีประหยัดไฟบ้านขั้นสุด เมื่อต้อง Work from Home มาฝากกัน
1.เลือกมุมทำงานให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ
โดยที่ไม่ต้องเปิดไฟให้สิ้นเปลือง เช่น ตั้งโต๊ะทำงานข้างหน้าต่างให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามา หรืออาจหามุมนอกบ้านใต้ชายคาเพื่อรับแสงสว่างอย่างเพียงพอ ถ้าหากอยู่คอนโดหรือบ้านที่ไม่สามารถใช้แสงจากธรรมชาติได้ อาจใช้โคมไฟหลอด LED แทนการเปิดไฟเพดาน และตั้งเวลาใช้ไฟให้เหมือนที่ทำงาน เช่น เปิดเวลา 9.00 – 12.00 น. ปิดไฟตอนพักกลางวัน และเปิดใช้ไฟอีกครั้งเวลา 13.00- 17.00 น.
2. เครื่อง Notebook ตั้งเป็น Sleep Mode เมื่อไม่ได้ใช้งาน
รวมทั้งปรับแสงจอไม่ให้สว่างจนเกินไป รวมทั้งควรตั้งค่าประหยัดพลังงานเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ในกรณีที่มีการเปิด Notebook ทิ้งไว้
3.เลือกใช้หลอด LED แทนหลอดไฟธรรมดา
ในกรณีที่ต้องเปิดไฟเพดานควรเลือกใช้หลอด LED เพราะประหยัดไฟกว่าหลอดธรรมดาทั่วไป แม้ว่าหลอด LED จะมีราคาแพงกว่าหลอดไฟธรรมดาแต่ในระยะยาวเรื่องการประหยัดไฟถือว่าคุ้มกว่ามาก ที่สำคัญหากเปลี่ยนมาใช้หลอด LED จะสามารถให้ความสว่างได้มากกว่าหลอดไฟธรรมดา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. เปิดหน้าต่างรับลม-แสงธรรมชาติ
แทนที่จะเปิดแอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืน ลองเปิดหน้าต่างห้องทำงานเพื่อรับลมและแสงจากธรรมชาติแทนการเปิดแอร์และไฟฟ้า โดยวิธีทำให้ลมเข้ามาในห้อง คือ เปิดหน้าต่างอย่างน้อย 2 ด้านให้มีทางเข้าและทางออกของลม และไม่ควรนำเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของไปบังช่องหน้าต่างหรือทิศทางเข้าออกของลม ก็จะทำให้ห้องมีลมเข้ามาช่วยลดความร้อนโดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ ในกรณีที่ต้องเปิดแอร์ลองปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเช่น 26 องศาแล้วเปิดพัดลมช่วยก็จะประหยัดไฟได้เช่นกัน
5. ปิด Gadget ไร้สาย เมื่อไม่มีการเชื่อมต่อ
บางคนใช้ iPad ทำงานสลับกับ Notebook หรือใช้หูฟังไร้สายเวลาประชุมออนไลน์ เมื่อเลิกใช้งานแล้วให้ปิดทันที เพราะอุปกรณ์ไร้สายที่ไม่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์จะยังคงทำงานอยู่และใช้กระแสไฟฟ้าในการหล่อเลี้ยงระบบ รวมถึงไม่เสียบปลั๊ก Notebook ทิ้งไว้ในกรณีที่แบตเตอร์รี่เต็มแล้ว เพื่อลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง
6. ใช้หูฟังแบบมีสายประหยัดไฟกว่า
การใช้หูฟังเวลาประชุมออนไลน์ ควรเลือกใช้หูฟังแบบมีสายเพราะใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงานน้อยกว่าหูฟังแบบ ไร้สาย ที่สำคัญราคาหูฟังแบบมีสายจะถูกกว่าแบบไร้สายด้วย
ที่มา : https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/save-electricity-bill.html